5 อาหารไทย ติดใจคนทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใดๆ ในโลก ก็มักจะมีอาหารประจำชาติอันเป็นที่เชิดหน้าชูตาของตนเอง ในส่วนของประเทศไทยนั้นก็เช่นเดียวกัน อาหารไทยถือเป็นวัฒนธรรมประจำชาติอย่างหนึ่งที่ได้รับการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างยาวนาน
นอกจากจะเป็นอาหารของคนไทยแล้ว อาหารไทยก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติอีกเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้จากผลสำรวจ 50 อาหารอร่อยที่สุดในโลกประจำปี 2554 โดย CNNGO ผลปรากฏว่า มีอาหารไทยติดอันดับหลายเมนู ได้แก่ อันดับที่ 1 แกงมัสมั่น อันดับที่ 8 ต้มยำกุ้ง อันดับที่ 19 น้ำตกหมู และอันดับที่ 46 ส้มตำ หรือแม้แต่แทบลอยด์ชื่อดังของประเทศอังกฤษ “เดอะซัน” ก็มีการสำรวจในเฟซบุ๊ค ถึง 100 สิ่งที่ควรกินก่อนตาย ยังพบว่ามีอาหารไทยติดอันดับด้วยเช่นกัน ได้แก่ ส้มตำ ต้มยำ ทุเรียน กล้วยทอด และผักกระเฉด
รสชาติของอาหารไทยนั้น มีความแตกต่างและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร โดย สันติ เศวตวิมล นักชิมชื่อดัง ให้ความเห็นไว้ว่า อาหารในโลกนั้นมีเพียงไม่กี่ประเทศที่จะมีรสชาติหลากหลาย หรือมากกว่า 4 รสชาติ แต่สำหรับอาหารไทยนั้นถ้าจะพูดจริงๆ ก็มีถึง 9 รสชาติ
“อาหารที่เรากินมีพื้นฐานอยู่ 4 รส คือ เค็ม เผ็ด หวาน และเปรี้ยว ส่วนอาหารไทยจะมีรสชาติเพิ่มเติมอีก คือ ขม ขื่น ฝาด เฝื่อน และปร่า ธรรมชาติสร้างให้คนแต่ละประเทศมีความสามารถแตกต่างกันไป ผมคิดว่าธรรมชาติ สร้างให้คนไทยมีลิ้นอันวิเศษ สามารถแยกรสชาติได้ดีมาก นอกจากนั้น คนไทยก็โชคดีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองวัฒนธรรมใหญ่ของโลก คือ วัฒนธรรมอินเดีย และวัฒนธรรมจีน อาหารจีนจะเป็นอาหารแบบธรรมชาติ ส่วนอินเดียจะเน้นความจัดจ้านและเครื่องเทศต่างๆ จึงทำให้คนไทยนำทั้งสองอย่างนี้มาผสมผสานกัน”
สำหรับอาหารไทยซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวโลกนั้นก็มีหลากหลายเมนู แต่ต้องขอเลือกมาเพียง 5 เมนู ที่ชาวต่างชาติจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ดังนี้
นอกจากจะเป็นอาหารของคนไทยแล้ว อาหารไทยก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติอีกเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้จากผลสำรวจ 50 อาหารอร่อยที่สุดในโลกประจำปี 2554 โดย CNNGO ผลปรากฏว่า มีอาหารไทยติดอันดับหลายเมนู ได้แก่ อันดับที่ 1 แกงมัสมั่น อันดับที่ 8 ต้มยำกุ้ง อันดับที่ 19 น้ำตกหมู และอันดับที่ 46 ส้มตำ หรือแม้แต่แทบลอยด์ชื่อดังของประเทศอังกฤษ “เดอะซัน” ก็มีการสำรวจในเฟซบุ๊ค ถึง 100 สิ่งที่ควรกินก่อนตาย ยังพบว่ามีอาหารไทยติดอันดับด้วยเช่นกัน ได้แก่ ส้มตำ ต้มยำ ทุเรียน กล้วยทอด และผักกระเฉด
รสชาติของอาหารไทยนั้น มีความแตกต่างและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร โดย สันติ เศวตวิมล นักชิมชื่อดัง ให้ความเห็นไว้ว่า อาหารในโลกนั้นมีเพียงไม่กี่ประเทศที่จะมีรสชาติหลากหลาย หรือมากกว่า 4 รสชาติ แต่สำหรับอาหารไทยนั้นถ้าจะพูดจริงๆ ก็มีถึง 9 รสชาติ
“อาหารที่เรากินมีพื้นฐานอยู่ 4 รส คือ เค็ม เผ็ด หวาน และเปรี้ยว ส่วนอาหารไทยจะมีรสชาติเพิ่มเติมอีก คือ ขม ขื่น ฝาด เฝื่อน และปร่า ธรรมชาติสร้างให้คนแต่ละประเทศมีความสามารถแตกต่างกันไป ผมคิดว่าธรรมชาติ สร้างให้คนไทยมีลิ้นอันวิเศษ สามารถแยกรสชาติได้ดีมาก นอกจากนั้น คนไทยก็โชคดีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองวัฒนธรรมใหญ่ของโลก คือ วัฒนธรรมอินเดีย และวัฒนธรรมจีน อาหารจีนจะเป็นอาหารแบบธรรมชาติ ส่วนอินเดียจะเน้นความจัดจ้านและเครื่องเทศต่างๆ จึงทำให้คนไทยนำทั้งสองอย่างนี้มาผสมผสานกัน”
สำหรับอาหารไทยซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวโลกนั้นก็มีหลากหลายเมนู แต่ต้องขอเลือกมาเพียง 5 เมนู ที่ชาวต่างชาติจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ดังนี้
แกงเขียวหวาน “แกงเขียวหวาน” เป็นแกงกะทิที่ถูกพัฒนามาจากแกงเผ็ดแบบดั้งเดิม คือ แกงเผ็ดจะใช้พริกแห้งสีแดงเป็นส่วนผสม จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้พริกสดสีเขียว และใส่ใบพริกสดตำลงไปพร้อมกับเครื่องแกงด้วย เพื่อให้มีสีเขียวที่เด่นชัดขึ้น ชื่อแกงเขียวหวานมีที่มาจากสีเขียวของเครื่องแกง แต่คำว่า “หวาน” นั้น ไม่ได้หมายถึงรสชาติของอาหารแต่อย่างใด กลับหมายถึงเป็นแกงที่มีสีเขียวแบบหวาน คือเขียวนวลๆ ไม่ฉูดฉาด ส่วนรสชาติของเมนูนี้จะเน้นเค็มนำ แล้วหวานตาม และจะมีความเผ็ดมากกว่าแกงเผ็ดชนิดอื่นเล็กน้อย เพราะใช้พริกสดเป็นเครื่องแกง และจากกรณีที่มีข่าวฟอร์เวิร์ดว่า พ่อครัวชาวอเมริกันได้จดสิทธิบัตรแกงเขียวหวาน ซึ่งเป็นอาหารของคนไทย ในภายหลังได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีชาวต่างชาติจดสิทธิบัตรแกงเขียวหวานเป็นของตนเอง และการจดสิทธิบัตรแกงเขียวหวานนั้นมีเพียงคนไทยเท่านั้นที่เป็นผู้ยื่นคำขอจดสิทธิบัตร ดังนั้น แกงเขียวหวานก็ยังคงเป็นอาหารของไทยต่อไป | ||||
“มัสมั่น” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก จากการสำรวจของเว็บไซต์ CNNGO ซึ่งก็กลายเป็นเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมในต่างแดนไปแล้ว แม้ว่าปัจจุบัน มัสมั่นจะมีสัญชาติเป็นอาหารไทย แต่จุดเริ่มต้นของมัสมั่นนั้นต้นตำรับมาจากอินเดีย แต่ในประเทศไทยนั้นเกิดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งนำเข้ามาโดยชาวเปอร์เซีย แกงมัสมั่นแบบต้นตำรับจะมีรสชาติออกเค็มมัน และนิยมใช้เนื้อวัวมาปรุง ส่วนมัสมั่นของไทยจะมีรสหวานนำ และลดปริมาณเครื่องเทศให้น้อยลง และในปัจจุบันมีการเลือกใช้เนื้อสัตว์ที่หลากหลายมากขึ้น ถือเป็นการปรับรสชาติให้เข้ากับความชื่นชอบของคนไทย นับได้ว่าอาหารไทย 5 เมนูนี้ เป็นจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชาวต่างชาติรู้จักอาหารไทยที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก และยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยอีกด้วย | ||||
|
|